เบน มี
Ben Mee
เบน มี(Ben Mee)
เบน มี(Ben Mee) เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2532 อายุ 34 ปี เกิดในเมือง แทรฟฟอร์ด ของประเทศ อังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวนั้นกำลังค้าแข้งอยู่ในหลีกเมืองผู้ดีกับทางสโมสร “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมกับได้รับมอบหมายให้สวมเสื้อหมายเลข 16 ลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คให้กับสโมสรในปัจจุบัน
การเริ่มต้นในอาชีพค้าแข้งของ เบน มี
เบน มี เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ แมoฯซิตี้ พร้อมกับมีการเซ็นสัญญาฉบับแรกกับสโมสรในเดือนกันยายน พ.ศ. 2550 ก่อนที่เขาจะมีส่วนร่วมในการหาทีมเยาวชนของสโมสรคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ได้ในฤดูกาล 2007-08 มีการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก 2 ปีจึงทำให้เขานั้นจะคงอยู่ค้าแข้งกับสโมสรต่อไปจนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554
ซึ่งภายหลังจากที่ เบน มี เข้าร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ เขาก็ถูกพาตัวไปทัวร์เมืองอเมริกาในช่วงฤดูร้อนปี 2010 ก่อนที่เขาจะได้ลงเล่นเล่นทั้ง 2 เกมที่พบกับ พอร์ทแลนด์ ทิมเบอร์ส และนิวยอร์ก เร้ดบูลล์ส และ ต่อด้วยลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับสโมสรในศึก คาราบาวคัพ เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553 ก่อนที่จะจบด้วยความพ่ายแพ้ต่อ เวสต์บรอมวิช เอาเบี้ยน 2-1
เบน มี ย้ายเข้าร่วมทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ในสัญญาการยืมตัว
เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 เบน มี ได้ย้ายเข้าร่วมทีมในศึก แชมเปี้ยนชิพ กับทางด้าน เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสัญญาการยืมตัวตลอดฤดูกาล 2010-11 จากนั้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554 เขา ก็ได้รับโอกาสลงเปิดตัวให้กับสโมสรเป็นเกมแรกด้วยการเอาชนะ มิลล์วอลล์ 4-2 ก่อนที่เขาจะต้องย้ายกลับไปยัง แมนฯซิตี้ อีกครั้ง หลังจากที่หมดสัญญากับทัพ จิ้งจอกสยาม ในฤดูกาล 2010-11 นั่นเอง
เบน มี ย้ายเข้าร่วมสโมสร เบิร์นลี่ย์
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 เบน มี ได้ย้ายเข้าร่วมสโมสร เบิร์นลี่ย์ ด้วยสัญญาการยืมตัวตลอดฤดูกาล ก่อนที่เขาจะเปิดตัวในเกมลีกให้กับสโมสรในเกมที่เสมอกับ วัตฟอร์ด 2-2 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม หลังจากนั้นภายใต้การทำทีมของ เอ็ดดี้ ฮาวเขาได้ชื่นชอบฝีเท้าของ เบนซ์มี เป็นอย่างมาก จึงทำให้สโมสรตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัวเข้ามาร่วมทีมอย่างถาวรเมื่อวันที่ 17 มกราคม ก่อนที่เขาจะจบในฤดูกาลแรกกับสโมสรด้วยผลงานลงเล่นทั้งหมด 31 นัด
ซึ่งภายหลังจากเริ่มต้นในฤดูกาล2012-13 เบน มี ก็ได้รับบาดเจ็บจากเกมการแข่งขันที่ เสมอกับ มิลล์วอล์ 2-2 เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555 แต่ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะหายบาดเจ็บแล้วกลับมาลงสนามได้ในเกมลีกได้ที่เสมอกับ ฮัลล์ซิตี้ 1-1เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556 เบน มี ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงอีกครั้งในเกมที่เสมอกับ แบล็กเบิร์น 1-1 จึงทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงช่วยสโมสรในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2012-13
และภายหลังจากฤดูกาล 2013-14 เบน มี กลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยสโมสรเลื่อนชั้นขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จด้วยการลงสนามให้กับสโมสรทั้งหมด 38 นัด ก่อนที่จะเริ่มต้นใฤดูกาล 2014-15 ได้เพียงไม่กี่เกมเขาก็ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่จนถึงปี 2017 ซึ่งภายหลังจากที่สโมสรมีการปรับเปลี่ยนถ่ายนักเตะอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เขาเริ่มหมดโอกาสในการลงสนามให้กับทีม ก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายออกจาก เบิร์นลี่ย์ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ภายหลังจากสัญญาของเขาหมดลงนั่นเอง
เบรนท์ฟอร์ด คว้าตัว เบน มี เข้าร่วมทีม
เบน มี ได้ตกลงเซ็นสัญญาเข้าร่วมกับทีมในพรีเมียร์ลีก อย่าง เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ด้วยสัญญาสองปี ก่อนที่เขาจะเปิดตัวเกมในบ้านและสามารถยิงประตูแรกให้กลับ เบรนท์ฟอร์ด ได้ในเกมที่ชนะ แมนฯยูไนเต็ด 4–0 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ช่วยให้ทัพผึ้งน้อย คว้าชัยชนะในลีกครั้งแรกเหนือทัพ ปีศาจแดง นับตั้งแต่ พ.ศ. 2480 ก่อนที่ในปี 2023 เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ กองเชียร์ เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งสามารถเอาชนะเพื่อนร่วมทีมอย่าง อิวาน โทนี ย์ ผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสร
การเข้าร่วมทีมชาติอังกฤษ ของ เบน มี
เบนมี ติดทีมชาติอังกฤษ ครั้งแรกด้วยการลงเล่นให้กับทีมในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ก่อนที่เขาจะมีชื่อเข้าร่วมทีมชุดใหญ่ของทัพ สิงโตคำราม ด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองในเกมกระชับมิตรที่พบกับทีมชาติ เยอรมนี และ ภายหลังจากการทำทีมของกุนซือใหญ่อย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต จึงทำให้โอกาสกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งของ เบน มี เป็นไปได้ยากมากเนื่องจากทีมชาติอังกฤษมีกองหลังระดับโลกอยู่ในทีมอย่างมากมายจึงทำให้เขายังไม่มีชื่อเข้าร่วมทีมชาติอังกฤษ นับตั้งแต่เกมที่พบกับทีมชาติเยอรมัน
เกียรติประวัติและรางวัลในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
- เอฟเอ ยูธ คัพ : 2007–08
เบิร์นลี่ย์
- ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ : 2015–16
รางวัลส่วนตัว
- นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี เบรนท์ฟอร์ด : 2022-23
เบน มี ถือเป็นนักเตะที่มีทั้งความแข็งแกร่ง และ ความสามารถ แต่ถึงแม้ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาเราจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามให้กับสโมสรมากนัก แต่ในฤดูกาล 2023-24 เขาเริ่มได้รับโอกาสการลงสนามมากขึ้น จึงเชื่อว่าเขานั้นจะกลายเป็นนักเตะคนสำคัญให้กับสโมสรได้อย่างแน่นอน
อ้างอิงข้อมูล : wikipedia