โมฮาเหม็ด ซาลาห์
Mohamed Salah
- สัญชาติ : อียิปต์
- วันเกิด : 15/06/1992
- ความสูง : 175 cm
- สโมสรฟุตบอล : ลิเวอร์พูล
- เบอร์เสื้อ : 11
- ตำแหน่ง : กองหลัง
ช่องทางติดตาม :
สถิติ ผลงานในพรีเมียร์ลีก
- การลงลงเล่น : 234
- ทำประตู : 140
- แอสซิสต์ : 61
เกียรติประวัติและรางวัล
- รางวัลรองเท้าทองคำ : 3 รางวัล
- ฤดูกาล 2017/18
- ฤดูกาล 2018/19
- ฤดูกาล 2021/22
- รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก : 1 รางวัล
- ฤดูกาล 2017/18
- รางวัลผู้ทำประตูเยี่ยมพรีเมียร์ลีก : 2 รางวัล
- ฤดูกาล 2020/21
- ฤดูกาล 2021/22
- แชมป์พรีเมียร์ลีก : 1 สมัย
- ฤดูกาล 2019/20
- รางวัลเพลย์เมคเกอร์ยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล : 1 รางวัล
- ฤดูกาล 2021/22
- นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน : 4 รางวัล
- พฤศจิกายน ปี 2017
- กุมภาพันธ์ ปี 2018
- มีนาคม ปี 2018
- ตุลาคม ปี 2018
- รางวัลผู้ทำประตูเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล : 1 รางวัล
- ฤดูกาล 2021/22
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah)
โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1992 อายุ 31 ปี ซาลาห์ เป็นนักฟุตบอลชาว อียิปต์ ที่แม้ว่าจะมีขนาดตัวที่เล็ก แต่ก็มีทั้งความคล่องแคล่ว และ ว่องไว ซึ่งปัจจุบันเขานั้นยังคงค้าแข้งอยู่กับทัพ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยสวมเสื้อหมายเลข 11 ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับสโมสรเมืองผู้ดี และ ยังเป็นนักเตะคนสำคัญที่ปัจจุบันนั้นสโมสร ลิเวอร์พูล จะขาดเขาไม่ได้เลยทีเดียว
จุดเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งในเยาวชนกับ อัล โมกาวลูน
ในปี 2549 เมื่อ ซาล่าห์ มีอายุครบ 14 ปี เขาได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสร อัล โมกาวลูน ทีมในบ้านเกิดของเขาเอง โดยเจ้าตัวนั้นมี โรนัลโด้ ซีเนอดีน ซีดาน และ ฟรานเซสโก ต๊อตติ เป็นไอดอลในวัยเด็ก และ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 หลังจากที่เขาได้โชว์ฝีเท้าได้น่าประทับใจจนสามารถมีชื่อติดทีมชุดใหญ่ อัล โมกาวลูน
หลังจากนั้นได้ไม่นาน ซาลาห์ ก็จำเป็นที่จะต้องย้ายออกไปค้าแข้งในลีกต่างแดน เนื่องจากเกิดเหตุการจลาจลในสนามกีฬาพอร์ตซาอิด จึงทำให้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอียิปต์ต้องถูกระงับลง และ ได้มีการประกาศยกเลิกโปรแกรมการแข่งขันที่เหลือทั้งหมดของฤดูกาลออกมา ในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555 นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ซาลาห์ ต้องมองหาสโมสรใหม่เพื่อย้ายไปค้าแข้งโดยมีสโมสร บาเซิล ทีมชั้นนำในลีก สวิสซูเปอร์ลีก ให้ความสนใจอยากจะได้ตัวเข้าไปร่วมทีม
ความท้าทายใหม่กับสโมสร บาเซิล
เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 บาเซิล สโมสรชั้นนำในลีก สวิสซูเปอร์ลีก ได้ประกาศเซ็นสัญญาคว้าตัว โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ เข้าร่วมทีมเป็นเวลา 4 ปี หลังจากที่ย้ายมา เขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถพาสโมสร บาเซิล เข้าถึงรอบรองในถ้วยใบใหญ่ของยุโรป แม้ว่าเขาจะไม่สามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ แต่ อย่างน้อยตัวเขาเองก็ยังสามารถพาทีมประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ สวิสซูเปอร์ลีกฤดูกาล 2012–13 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ แถมยังเป็นถึงรองแชมป์สวิสคัพอีกด้วย
การค้าแข้งใน พรีเมียลีก ครั้งแรก กับ เชลซี
เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557 เชลซี ได้บรรลุข้อตกลงกับ บาเซิล ในการคว้าตัว โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ โดยจ่ายค่าตัวในราคา 11 ล้านปอนด์ จากนั้นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซาลาห์ ก็ได้ทำการเปิดตัวกับ เชลซี อย่างเป็นทางการในเวที พรีเมียร์ลีก ซึ่งในนัดนั้นทัพ สิงโตน้ำเงินคราม สามารถเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ไปได้ 3-0
แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงสนามมากนัก จึงทำให้ถูก 2 ทีมยักษ์ใหญ่จาก กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี อย่าง ฟิออเรนติน่า และ โรม่า ยืมตัวไปใช้งาน ก่อนจะถูกทัพ หมาป่า ซื้อขาดคว้าตัวเข้าไปร่วมทีมในราคา 15 ล้านยูโร
การกลับมาใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้งของ ซาลาห์
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนพ.ศ. 2560 ลิเวอร์พูล ได้ทำการคว้าตัว โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กลับเข้ามาในเวที พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ด้วยค่าตัว 36.5 ล้านปอนด์ และ ได้ทำการสวมเสื้อหมายเลข 11 ซึ่งเป็นเบอร์เก่าของ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ที่ย้ายไปสวมเสื้อหมายเลข 9 แทน ซึ่งหลังจากที่แข้ง อียิปต์ รายนี้ย้ายมาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์
เขาก็ได้ใช้เวลาปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถกลายเป็นกำลังหลักสำคัญในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่ตัวเขานั้นสามารถพาทัพ หงส์แดง ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ต่างๆมาอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น แชมป์พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ หรือ แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่ตัวเขานั้นสามารถคว้ามาครองได้ทั้งหมดแล้ว
ผลงานที่น่าประทับใจใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ถือเป็นนักเตะกำลังหลักสำคัญของสโมสร ลิเวอร์พูล ในการกวาดแชมป์ต่างๆ มาอย่างมากมายในช่วงรายปีที่ผ่านมา และ ถ้วยแชมป์ที่หน้าประทับใจก็คงจะเป็นถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่เจ้าตัวสามารถพาทีมคว้ามาครองได้สำเร็จแล้ว 1 สมัย และ เขายังเป็นกำลังหลักสำคัญที่สามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้อีก 2 สมัย ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้กับ ราชันชุดขาว เรอัลมาดริด ทั้ง 2 ครั้งอีกด้วย
การเข้าร่วมทีมชาติของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554 ซาลาห์ ได้รับเลือกให้มีชื่อติดทีมชาติอียิปต์ครั้งแรก ในเกมเยือนที่พ่ายแพ้ต่อ เซียร์ราลีโอน 2–1 หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นกำลังหลักสำคัญให้กับทีมชาติอียิปต์ ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นไปรับบทบาทสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติ
จากนั้น ซาลาห์ กลายเป็นคีย์แมนตัวสำคัญที่แฟนบอลชาว อียิปต์ ต่างฝากความหวังไว้ที่เขาว่า ในวันข้างหน้าตัวของ ซาลาห์ อาจจะเป็นผู้เล่นที่พาทีมชาติ อียิปต์ ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ให้ได้สักครั้งหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติประวัติกับทีมชาติ และ ตัวเขาเอง
เกียรติประวัติและรางวัลในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ
สโมสรบาเซิล
- สวิสซูเปอร์ลีก : 2012–13 , 2013–14
สโมสรเชลซี
- ฟุตบอลลีกคัพ : 2014–15
สโมสรลิเวอร์พูล
- พรีเมียร์ลีก : 2019–20
- เอฟเอ คัพ : 2021–22
- อีเอฟแอล คัพ : 2021–22
- เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ : 2022
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : 2018–19 รองชนะเลิศ: 2017–18,2021–22
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ : 2019
- ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ : 2019
ทีมชาติ อียิปต์
- รองแชมป์แอฟริกาคัพออฟเนชันส์ : 2017, 2021
ผลงานส่วนตัว
- นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสวิสซูเปอร์ลีก : 2013
- นักฟุตบอลอาหรับยอดเยี่ยมแห่งปีของเอล เฮดดาฟ : 2013 , 2017, 2018
- ผู้เล่นพรีเมียร์ลีกแห่งฤดูกาล : 2017–18
- โกลบซอกเกอร์นักเตะอาหรับยอดเยี่ยมแห่งปี : 2016
- ประตูพรีเมียร์ลีกประจำเดือน : มกราคม 2021 , ตุลาคม 2021
- นักฟุตบอลแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปีของ BBC : 2017, 2018
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ FWA : 2017–18 , 2021–22
- รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก : 2017–18 , 2018–19 , 2021–22
- เพลย์เมกเกอร์ยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก : 2021–22
- รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของนักเตะลิเวอร์พูล : 2017–18 , 2020–21 , 2021–22
อ้างอิงข้อมูล : https://en.wikipedia.org/wiki/Mohamed_Salah