ซาอิด เบนราห์ม่า(Said Benrahma)

ซาอิด เบนราห์ม่า(Said Benrahma) เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2538 อายุ 28 ปี เกิดในเมือง เอน เตมูช็องต์ ของประเทศ แอลจีเรีย ปัจจุบันเจ้าตัวกำลังค้าแข้งอยู่ในลีกเมืองผู้ดีกับทางด้านทัพ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมกับสวมเสื้อหมายเลข 22 ลงเล่นได้ทั้งตำแหน่งปีกซ้าย และ กองกลางตัวรุกให้กับสโมสร

การเริ่มต้นในการค้าแข้งของ ซาอิด เบนราห์ม่า

เบนราห์ม่า ได้เริ่มต้นในอาชีพฟุตบอลด้วยการเข้าร่วมทีมเยาวชนในท้องถิ่น แอลจีเรีย ก่อนจะตัดสินใจย้ายไป ฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมกับสโมสร บัลมา เอสซี และ ในปี 2013 เบนราห์ม่า ตัดสินใจในอาชีพค้าแข้งของตัวเองอีกครั้งด้วยการเข้าร่วมสโมสร นีซ ใน ลีกเอิง ฝรั่งเศส จากนั้นภายใต้การทำทีมของ คล็อด ปูแอล เขามักจะถูกส่งลงเล่นในชุดสำรองของสโมสรเป็นส่วนใหญ่โดยลงเล่นให้กับทีมสำรองทั้งหมด 37 นัด ยิงได้ 11 ประตูระหว่างปี 2013 ถึง 2016 นั้นอีกด้วย

ซาอิด เบนราห์ม่า ย้ายเข้ามาค้าแข้งใน อังกฤษ เป็นครั้งแรก

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เบนราห์มา ได้ย้ายเข้ามาค้าแข้งใน อังกฤษ เป็นครั้งแรกด้วยการเข้าร่วมสโมสร เบรนท์ฟอร์ด สโมสรในศึก แชมเปี้ยนชิพ ด้วยค่าตัว 2.7 ล้านปอนด์ และ ลงเปิดตัวกับสโมสรโดยยิงได้หนึ่งประตูในเกมที่คว้าชัยเหนือ เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด 4-2 ในศึกคาราบาวคัพ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561 หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นกำลังหลักสำคัญให้กับสโมสรมาโดยตลอดจนมาถึงในฤดูกาล 2020-21

เบนราห์มา มีข่าวการย้ายทีมอยู่อย่างต่อเนื่องจึงทำให้ทางด้านเฮดโค้ดของทีม โทมัส แฟรงค์ ดร็อปเขาเป็นตัวสำรองอยู่สักระยะหนึ่งในช่วงที่มีข่าว ก่อนที่ เบนราห์มา จะมาปรากฏตัวอีกครั้งในช่วงท้ายเลกแรกของฤดูกาล โดยลงมาแทนที่ของ เซอร์กี้ คาโนส ในนาทีที่ 78 ของเกมการแข่งขันที่เสมอกับ มิลล์วอลล์ 1-1 เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2563 ก่อนจะตัดสินใจย้ายเข้าร่วมทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในที่สุด

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คว้าตัว เบนราห์ม่า เข้าร่วมทีม

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เบนราห์มา ได้ย้ายเข้าร่วมสโมสรใน พรีเมียร์ลีก กลับทางด้าน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาลแรก โดยมีข้อตกลงในการย้ายทีมแบบถาวร หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เขาลงจากม้านั่งสำรอง และ เปิดตัวให้กับสโมสรในเกมที่พ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 2–1 ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาทำให้สโมสรตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัวเข้ามาร่วมทีมอย่างถาวรเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์

ก่อนที่ตัวเขานั้นจะสร้างผลงานให้กับตัวเอง และ สโมสรได้ด้วยการเป็นนักเตะผู้ทำประตูที่ทรงพลังที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2022–23 แถมเจ้าตัวยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสโมสรที่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ ยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก ในฤดูกาล 2022-23 ได้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2566 หลังจากที่ทัพ ขุนค้อน คว้าถ้วยแชมป์ได้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1994 นั่นเอง

สไตล์การเล่นฟุตบอลของ ซาอิด เบนราห์ม่า

เบนราห์มา เป็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องในเรื่องของความแข็งแกร่ง และ ความเร็ว เขามีทักษะและ เทคนิคการครอบครองบอลได้อย่างยอดเยี่ยม เบนราห์มา มักจะชอบใช้ทักษะความเร็วในการเลี้ยงบอลแหวกแนวรับคู่ต่อสู้เข้าไปทำประตูได้อยู่บ่อยครั้ง เขามีการวางบอลยาวจากริมเส้นให้เพื่อนทำประตูได้อย่างโดดเด่น ถึงแม้ว่าเขาจะถนัดในตำแหน่งปีกซ้าย แต่เจ้าตัวก็ยังสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางรุกให้กับสโมสรได้อย่างหน้าประทับใจเลยทีเดียว

การเข้าร่วมทีมชาติแอลจีเรีย ของ ซาอิด เบนราห์ม่า

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 เบนราห์มา ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ แอลจีเรีย เป็นครั้งแรกเพื่อลงแข่งขันในเกมนัดกระชับมิตรกับ กินี และ เซเนกัล หลังจากนั้นเขามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2562 ในการแข่งขันในรายการ แอฟริกาคัพออฟเนชั่นส์ 2019 แต่เจ้าตัวก็ถูกถอนตัวออกจากทีมชาติในการแข่งขันในรายการนี้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ

ก่อนที่เขานั้นจะหายบาดเจ็บ และ กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิงประตูในระดับนานาชาติได้เป็นครั้งแรกในเกมที่บุกเยือนชนะ จิบูตี 4-0 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมานั่นเอง

เกียรติประวัติและรางวัลในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก : 2022–23

รางวัลส่วนตัว

นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของแฟนๆPFA : มกราคม 2020
ผู้เล่นแชมป์อีเอฟแอลประจำเดือน : กรกฎาคม 2020
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของผู้สนับสนุนเบรนท์ฟอร์ด : 2019–20
ทีมแชมป์พีเอฟเอแห่งปี : 2019–20
ประตูที่ทรงพลังที่สุดของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล: 2022–23

จากผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมานั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ซาอิด เบนราห์ม่า คือนักเตะกำลังหลักสำคัญของสโมสรอีกหนึ่งคน ที่ช่วยให้ทัพ ขุนค้อน ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ ยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก และ ยังช่วยให้สโมสรรอดตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว

อ้างอิงข้อมูล : wikipedia